ผัดไทย
ผัดไทมีมาแต่โบราณในชื่อ "ก๋วยเตี๋ยวผัด" ผัดไทนั้นกลายเป็นที่รู้จักของคนต่างชาติตั้งแต่สมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมานิยมรับประทานก๋วยเตี๋ยว เพื่อลดการบริโภคข้าวภายในประเทศ เนื่องจากในช่วงนั้นสภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ข้าวแพงและได้เปลี่ยนชื่อก๋วยเตี๋ยวผัดเป็น "ก๋วยเตี๋ยวผัดไท" ตามชื่อใหม่ของประเทศปัจจุบันเรียกกันโดยย่อเหลือเพียงแค่ "ผัดไทย" ในต่างประเทศ อาทิในประเทศยุโรป และ อเมริกา ผู้คนนิยมกินกันมาก และเป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ แสดงถึงความเป็นอาหารไทยได้เป็นอย่างดี เพราะชื่ออาหารที่เรียกง่ายและ บ่งบอกถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจนนั้น ทำให้ผัดไทยได้กลายเป็นอาหารสากลที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดีและนิยมรับประทาน ทุกครั้งที่ชาวต่างชาติเข้าไปร้านอาหารไทย ต้องมีการสั่ง "ผัดไทย" อย่างแน่นอน จึงทำให้ร้านอาหารไทยในต่างแดนขาย ผัดไทยต่อวันไม่ต่ำกว่า1,000 จานเลยทีเดียว
ส่วนผสม
โดยมากจะนำเส้นเล็กมาผัดด้วยไฟแรงกับ ไข่ กุ้ยช่าย ถั่วงอก หัวไชโป๊วสับ เต้าหู้เหลือง ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง ปรุงรสด้วยพริก น้ำปลา และน้ำตาล และเสิร์ฟพร้อมกับมะนาว กุ้ยช่าย ถั่วงอกสด และหัวปลี เป็นเครื่องเคียง ร้านผัดไทบางแห่งจะใส่เนื้อหมูลงไปด้วย บางที่อาจจะใช้เส้นจันท์ซึ่งเหนียวกว่าเส้นเล็ก เรียกว่า "ผัดไทเส้นจันท์" หรือใช้ วุ้นเส้น เรียกว่า "วุ้นเส้นผัดไท" รวมทั้งผัดหมี่โคราชที่มีลักษณะคล้ายผัดไทย กินกับส้มตำ
นอกจากนี้ยังมีผัดไทยประยุกต์ โดยนำส่วนผสมทุกอย่างผัดให้เข้ากัน แล้วนำไข่เจียวมาห่อผัดไททีหลัง เรียกว่า "ผัดไทห่อไข่" หรือบางที่อาจจะใส่กุ้งสดแทนกุ้งแห้ง เรียกว่า "ผัดไทกุ้งสด" ร้านขายผัดไทมักจะขายหอยทอดหรือขนมผักกาดควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากเครื่องปรุงที่ใช้มีหลายอย่างใช้ร่วมกัน
ผัดไทยในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันบ้าง ดังนี้[1]
- อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ปรุงรสด้วยน้ำตาลโตนด
- เยาวราช ใส่กุ้งต้มที่ออกรสเค็ม ขายในกระทงใบตอง
- วัดท้องคุ้ง จังหวัดอ่างทอง รสหวานนำ กินคู่กับมะม่วงหรือมะเฟืองเปรี้ยว
- อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ใส่ถั่วเหลืองต้มและหมูสามชั้น
- อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ใส่ถั่วฝักยาวและหมูแดง
- จังหวัดชุมพร ใส่น้ำพริกแกงส้ม ผัดกับกะทิ ใส่ปูม้า
- ผัดไทยทางภาคตะวันออก เช่น ระยอง จันทบุรี ใส่น้ำโล้ซึ่งเป็นน้ำพริกที่ปรุงจากพริกแห้ง หอม กระเทียม เคี่ยวกับน้ำปลา น้ำตาล และน้ำมะขามเปียก
· การกินผัดไทยจะได้คุณค่าทางโภชนาการดังนี้
๑ หน่วยบริโภค เท่ากับ ๒๙๐ กรัม ประกอบด้วย
ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ๑๙๐ กรัม
ผักและเครื่องเคียง ๑๐๐ กรัม
พลังงาน ๔๔๗ กิโลแคลอรี
ไขมันทั้งหมด ๑๗.๗ กรัม
โปรตีน ๑๘.๖ กรัม
คาร์โบไฮเดรต ๕๓.๔ กรัม
(รวมใยอาหาร)
ที่มาของข้อมูล : จากรายงานการวิจัย "คุณค่าอาหารไทยเพื่อสุขภาพ" โดยทีมวิจัยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
๑ หน่วยบริโภค เท่ากับ ๒๙๐ กรัม ประกอบด้วย
ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ๑๙๐ กรัม
ผักและเครื่องเคียง ๑๐๐ กรัม
พลังงาน ๔๔๗ กิโลแคลอรี
ไขมันทั้งหมด ๑๗.๗ กรัม
โปรตีน ๑๘.๖ กรัม
คาร์โบไฮเดรต ๕๓.๔ กรัม
(รวมใยอาหาร)
ที่มาของข้อมูล : จากรายงานการวิจัย "คุณค่าอาหารไทยเพื่อสุขภาพ" โดยทีมวิจัยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ถึงแม้ว่าผัดไทยจะเป็นแหล่งที่ดีของใยอาหาร แต่นั่นหมายถึงว่าจะต้องกินผักสดในปริมาณที่แนะนำควบคู่ ไปด้วยหรือจะกินผักมากกว่าที่แนะนำก็ได้ แต่ผัดไทยก็มีปริมาณของไขมันสูงเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของไขมันในเลือดสูงจึงต้องระมัดระวัง ทางที่ดีทำกินเองที่บ้านจะดีกว่า เพราะสามารถควบคุมเรื่องของปริมาณน้ำมันได้ เปลี่ยนจากกระทะธรรมดาเป็นกระทะเทฟรอนก็จะช่วยในเรื่องของการใช้น้ำมันและการติดกระทะได้ และที่สำคัญคือได้เรื่องของความสะอาดเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะเราสามารถเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี สด สะอาดมาประกอบอาหารได้ ก็จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นด้วย
เคล็ดลับ
๑. เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ดีต้องเหนียวนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนของน้ำมัน
๒. เวลาผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่ควรใส่น้ำส้มสายชู จะทำให้เส้นเปื่อย กลิ่นและรสชาติจะไม่ชวนกิน
๓. หัวปลีเมื่อหั่นแล้วควรแช่ในน้ำที่ผสมน้ำมะนาว หัวปลีจะขาวน่ากิน
๔. ถั่วงอกดิบถ้าจะให้กรอบและขาวน่ากิน ควรแช่ในน้ำที่แกว่งสารส้มไว้ เมื่อจะกินให้ล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง
๑. เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ดีต้องเหนียวนุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนของน้ำมัน
๒. เวลาผัดเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่ควรใส่น้ำส้มสายชู จะทำให้เส้นเปื่อย กลิ่นและรสชาติจะไม่ชวนกิน
๓. หัวปลีเมื่อหั่นแล้วควรแช่ในน้ำที่ผสมน้ำมะนาว หัวปลีจะขาวน่ากิน
๔. ถั่วงอกดิบถ้าจะให้กรอบและขาวน่ากิน ควรแช่ในน้ำที่แกว่งสารส้มไว้ เมื่อจะกินให้ล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น